วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ลายเซ็นเสริมดวง



มีผู้ตั้งคำถามกับผมว่า ลายเซ็นมีผลกับชีวิตคนหรือไม่ ความหมายของเขาที่ถามก็คือ การเปลี่ยนลายเซ็นจะช่วยเปลี่ยนดวงชะตาได้หรือไม่
ลายเซ็น ” เส้นตัดในชื่อตัว และนามสกุล”
ห้ามเขียนเส้นตัดในชื่อตัว และนามสกุล  ถ้ามีเส้นใดตวัดมาขีดตัดชื่อตัวเอง ไม่ว่าจะตัดที่ต้น กลาง หรือท้ายชื่อ ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ช่วยเสริมดวงชะตา เส้นที่ขีดตัดชื่อตัว จะส่งผลให้เจ้าของลายเซ็นมีสุขภาพไม่ดี มักป๋วย  ผ่าตัด ทำสิ่งใดต้องมีอุปสรรค ไม่ราบรื่น ทำให้เหนื่อยกว่าที่ควร ถ้าทำการค้าก็จะเติบโตยาก ถ้าขีดนั้นเป็นลักษณะคล้ายกากบาทยิ่งไม่ดี ชีวิตจะขาดโชคลาภและมักพลาดโอกาสดีๆ ที่ควรจะได้ ส่วนการเซ็นโดยลากเส้นตวัดเข้ามาขีดตัดตัวอักษรใดๆ ก็ตามในนามสกุล ถือเป็นลายเซ็นที่ไม่ส่งเสริมดวง แต่กลับจะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในครอบครัว ความสัมพันธ์กับคู่สมรสหรือสมาชิกในบ้านมักไม่กลมเกลียว ไม่ราบรื่น เจ้าของลายเซ็นเช่นนี้จะต้องมีเรื่องได้ปวดหัวและเหนื่อยใจไปกับเรื่องในครอบครัวเสมอ
ลายเซ็น “เส้นกึ่งลูกศร”
ถ้าใต้ลายเซ็นมีการขีดเส้นใต้ และเส้นนั้นเป็นเส้นที่มีขีดเล็กๆ ตรงหัวและท้ายเส้น เหมือนเป็นลูกศรครึ่งเดียว แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่จริงจัง เจ้าของลายเซ็นเช่นนี้ มักจะยึดมั่นในอุดมการณ์ของตนอย่างแรงกล้า แฝงด้วยนิสัยดื้อรั้นอย่างไม่ธรรมดา ระวังโรคความดัน มีปัญหาเรื่องสายตา จะเหนื่อยกับชีวิต เป็นคนมีความฝัน มีเป้าหมายใหญ่ในชีวิต
ลายเซ็น “ขีดเส้นใต้ 2 เส้น”
เมื่อเซ็นชื่อแล้วลากเส้นเป็นขีดสั้น หรือยาวใต้ลายเซ็นถึง 2 เส้น จะส่งผลให้เจ้าของลายเซ็นมีความโดดเด่นในด้านความเป็นผู้นำ จะมีโอกาสได้ควบคุมจัดการอยู่เสมอ แต่ส่วนเสียคือ มักจะเผด็จการมากไปสักหน่อย และมักต้องการบงการคนอื่นอยู่เสมอ ต้องการให้คนอื่นเชื่อในความคิดของตัวเอง ไม่ค่อยเปิดใจฟังคนอื่น ทั้งดุ ทั้งดื้อ ชอบเป็นใหญ่ทั้งในที่ทำงานและที่บ้าน ให้ระวังมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้  มดลูก  ริดสีดวงทวาร  เกิดจากการกดทับของเส้นใต้ 2เส้น
จุดใต้ลายเซ็น
ถ้าใต้ชื่อหรือใต้นามสกุลมีจุดดำอยู่ 1-2 จุด บอกถึงความประมาณตน รู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ รู้จุดยืนของตัวเอง และไม่ทะเยอทะยาน อยากในสิ่งที่เกินตัวเอง แต่ชีวิตมักมีเรื่องรุมเร้าอยู่ในใจ ให้เกิดความทุกข์และความกังวล แม้ว่าจะไม่ชอบความวุ่นวาย อึกทึกครึกโครม แต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้พ้น ยิ่งอยากสงบ ก็ยิ่งมีเรื่องให้วุ่นวาย
ลายเซ็นเสริม “ความสำเร็จในอนาคต”
ให้ดูตัวท้ายของนามสกุล หรือตัวท้ายของลายเซ็น (ถ้าเซ็นชื่อตัวเดียวก็ดูท้ายชื่อ) ถ้ามีการลากหางที่ยาวออกไป ไม่ว่าจะลากยาวในแนวเส้นตรงหรือยาวเฉียงเอียงสูงขึ้น ก็ถือว่าเป็นลักษณะของเส้นสายลายเซ็นที่ดี บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งขึ้น
พยายามเซ็นโดยตวัดหรือลากเส้นออกไปอีกสักหน่อย เพื่อให้ได้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายในอนาคต
ลายเซ็นเสริม “อำนาจบารมี”
ลายเซ็นที่ช่วยส่งเสริมดวงในด้านอำนาจบารมี คือ ลายเซ็นที่เซ็นอักษรตัวแรกให้ใหญ่กว่าตัวอักษรบริวาร ตัวอักษรแรกที่นำหน้าชื่อ ถ้าเซ็นตัวโตๆ ดูโอ่อ่าสง่างาม ไม่มีเส้น มีขีดใดดัดแทงตัวเอง ก็จะส่งผลให้เด่นในทางลาภยศ ชื่อเสียง ดวงจะมีบริวารแวดล้อมเสมอ มีพวกพ้องมากหรือ คนคอยสนับสนุนส่งเสริมด้วยดี เด่นทางบารมี จับงานใด มีแต่ความสำเร็จก้าวหน้าไม่ยาก มักมีโอกาสได้จับงานใหญ่ คนที่เป็นผู้นำคน ควรเซ็นชื่อให้ได้ลักษณะดังกล่าวนี้
อย่างไรก็ดีจากการขีดเขียนด้วยลายเซ็น ขณะที่เซ็นท่านต้องใช้สมาธิ จากจิตใต้สำนึกของท่านนั่นเท่ากับว่าสามารถทำนายอุปนิสัยได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ดังนั้นการเปลี่ยนลายเซ็นจะช่วยเปลี่ยนดวงชะตาได้สามรถแก้ไขปรับปรุงการดำเนินชีวิตได้
บทความ อ .ตั้ม ศรีนเรศพยากรณ์

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก  http://www.horolive.com/astrology/signature-0655.html

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

14,000 บาท เป็นเศรษฐีร้อยล้านได้


เขียนโดย สำนักงานบัญชี   
“..... การเก็บเงินปีละ 14,000 บาท จะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้านน่าสนใจมาก แต่ถ้าทำตามวิธีการของคุณ ต้องรอถึง 40 ปี ทำให้ใจห่อเหี่ยว .....”
“..... ต้องรอถึง 40 ปีค่อยเป็นมหาเศรษฐี ดีไม่ดีตายกลายเป็นผีไปแล้ว คุณมีเคล็ดลับช่วยให้ร่ำรวยเร็วขึ้นมั้ย   .....”
การสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลา ภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล คนส่วนหนึ่งรู้คำตอบแล้วว่า ถ้าเก็บเงินลงทุนแบบนี้ 40 ปี จะได้เงินร้อยกว่าล้าน จึงทายว่า 10 ปีน่าจะได้สัก 5 ล้าน บางคนทายว่าประมาณ 1 ล้าน แต่ว่าคำตอบที่คำนวณได้น่าแปลกใจเหมือนกันคือได้แค่ 360,000 บาท เมื่อเทียบกับลงทุน 40 ปี ได้ร้อยกว่าล้าน แตกต่างกันถึง 300 กว่าเท่า
ยังดีที่มีคนตั้งคำถามแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีผู้ทำตามวิธีการนี้ เก็บเงินไปลงทุนปีละ 14,000 บาท นำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนปีละ 20% นึกว่านานเข้าคงร่ำรวยเป็นเศรษฐี คิดไม่ถึงว่าแค่สิบปีมีเงินสะสมแค่สามแสนหก คงเข้าใจว่าถูกหลอกซะแล้ว
ต้องเข้าใจว่านี่เป็นการ “วิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่งร้อยเมตร” สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว การลงทุนสร้างเนื้อสร้างตัว เงื่อนไขข้อแรกอยู่ที่เวลา คุณต้องผ่านการรอคอยจึงจะเห็นผล เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% ทบต้นไปเรื่อย ๆ ในปีต่าง ๆ
  • ปีที่ 5  ยอดเงินสะสม  =  100,000 บาท
  • ปีที่ 10  ยอดเงินสะสม  =  360,000 บาท
  • ปีที่ 15  ยอดเงินสะสม  =  1,010,000 บาท
  • ปีที่ 20  ยอดเงินสะสม  =  2,610,000 บาท
  • ปีที่ 25  ยอดเงินสะสม  =  6,610,000 บาท
  • ปีที่ 30  ยอดเงินสะสม  =  16,550,000 บาท
  • ปีที่ 35  ยอดเงินสะสม  =  41,280,000 บาท
  • ปีที่ 40  ยอดเงินสะสม  =  102,810,000 บาท
นี่เป็นข้อสังเกตที่ว่าทำไมหาเงินเพิ่มอีก 10 ล้านบาท ยังง่ายกว่าหาเงิน 1 ล้านบาทแรกมากนัก
สำหรับคนที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยมือเปล่า คงมีประสบการณ์อย่างนี้มาแล้ว หมื่นแสนเรื่องราวตอนเริ่มต้นนั้นลำบากที่สุด ตอนแรกเริ่มกว่าจะหาเงินได้ช่างลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองหายากหาเย็นถึงเพียงนี้ แต่หลังจากประสบความสำเร็จ เงินทองก็ไหลมาเทมา เรียกว่าอยากจะหยุดยั้ง ก็ยั้งไว้ไม่อยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองกลายเป็นหาง่ายเพียงนี้
ทุกคนอยากจะหยิบเงินล้านที่สอง หรือหยิบเงินสิบล้านแบบง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นก็ภาวนาให้เงินไหลมาเทมา ปัญหาอยู่ที่ก่อนจะหยิบเงินล้านที่สอง ต้องมีเงินล้านแรกก่อน ทำอย่างไรจึงจะได้เงินล้านแรก
เศรษฐีส่วนใหญ่สร้างเนื้อสร้างตัวจากเงินก้อนเล็ก ๆ ผ่านวันเวลาอันยาวนาน ค่อย ๆ เก็บสะสม ตอนแรกเป็นเงินก้อนเล็ก ๆ แทบไม่น่าเชื่อ แต่ความสำเร็จเรียงร้อยจากความสำเร็จเล็ก ๆ ทั้งหลาย สะสมพอกพูนเป็นสมบัติกองโต
แสดงให้เห็นว่า “เวลา” มีความสำคัญต่อการลงทุนสร้างฐานะ ความ “อดทน” เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต้องมี และไม่ใช่อดทนไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี ยิ่งอดทนยี่สิบสามสิบปี หรือสี่สิบห้าสิบปี พลังที่จะสร้างความร่ำรวยก็ยิ่งใหญ่โตมโหฬาร
แต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของ “อาหารจานด่วน” ทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล เวลาทานอาหารก็รับประทานอาหารแบบฟาสต์ฟู้ด ส่งจดหมายก็ใช้บริการด่วนพิเศษ ขับรถก็ต้องขึ้นทางด่วน แม้แต่การศึกษาก็ยังใช้วิธีเรียนลัด ผู้คนยิ่งมายิ่งหวังผลทันตาเห็น กลายเป็นรีบร้อนเร่งด่วน ขาดซึ่งความอดทน แม้แต่การลงทุนสร้างฐานะก็ไม่มีข้อยกเว้น
ถ้าเป็นกิจกรรมอย่างอื่น อาจเร่งความเร็วได้ แต่การลงทุนสร้างฐานะเร่งเร็วไม่ได้ เพราะ “เวลา” เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการสร้างตัว ยิ่งเร่งเร็วยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งส่วนมากจะ “เลิกล้มกลางคัน” เมื่อเจอกับเงื่อเวลา ก็เกิดความท้อถอย พาลขายหุ้น ขายอสังหาริมทรัพย์ เดินออกจากตลาดหุ้น หารู้ไม่ว่าการขาดความอดทนและความตั้งใจ ยากจะพบกับความสำเร็จได้
การลงทุนสร้างฐานะต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะเกิดความร้อนใจ พอร้อนใจก็ทำเรื่องเสี่ยง ๆ ฉะนั้นแทนที่จะพบกับความสำเร็จ กลับกลายเป็นล้มเหลว ไม่ว่าการสร้างสมความร่ำรวยก็ดี การสั่งสมประสบการณ์ก็ดี ไม่สามารถบรรลุได้ในเวลาชั่วข้ามคืน หากแต่ต้องใช้เวลาเข้าแลกมา คนที่อยากรวยทางลัด ได้แต่ใช้วิธีสุ่มเสี่ยงหรือว่าเล่นพนัน หรือทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ๆ แต่ผลของมันคือสิ้นเนื้อประดาตัว จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
คนที่อยากรวยเร็วไม่เหมาะกับการลงทุนสร้างฐานะ เพราะการลงทุนแบบช้าหน่อยแต่ชัวร์แน่นอน พลังที่สร้างฐานะจะใหญ่โตกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลานานกว่าที่พวกเรานึกเอาไว้ด้วยเช่นกัน ลองนึกดูว่าคุณแม่ต้องผ่านการอุ้มท้องกว่าสิบเดือน ชาวนาปลูกข้าวก็ต้องรอน้ำรอฝน ต้นข้าวจึงจะออกรวงได้ การพอกพูนของเงินทองก็เหมือนกับการเติบโตของชีวิต ผ่านวันผ่านเดือนผ่านปี ได้รับดอกเบี้ยทบต้น ไม่ใช่ถึงเป้าที่วางไว้ในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน นักลงทุนบางคนทำกำไรมหาศาลในชั่วข้ามคืน แต่ก็สิ้นเนื้อประดาตัวเพียงชั่วข้ามคืนได้เช่นกัน
(อ้างใน thaivi.com)

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ความรักกับเงินตรา


   

  1. ทำข้อตกลงเรื่องการจัดสรรเงิน
    ถ้าจะให้แฟร์ควรคุยกันไปเลยว่าเงินที่ฝ่ายหญิงหามาได้จะเป็นเงินเก็บส่วนตัว ส่วนเงินที่ฝ่ายชายให้มาผู้หญิงจะจัดการบริหารให้ลงตัว ถ้าไม่พอจะควักออกให้ หรือตกลงกันว่า แบ่งครึ่งหนึ่งเป็นกองกลางสำหรับใช้จ่ายในบ้าน อีกครึ่งหนึ่งเขาเก็บไว้ ในกรณีที่คุณมีเงินเก็บแล้วไม่รู้ว่าจะบอกฝ่ายชายดีหรือไม่ แนะว่าควรดูว่าคู่ของเราเขาเป็นคนที่แฟร์เรื่องเงิน และพร้อมที่จะดูแลเราไหม? มีความเป็นสุภาพบุรุษทางการเงินมากน้อยแค่ไหน? ถ้าเป็นสุภาพบุรุษอาจพูดตรงๆ ได้ แต่ถ้าเขาไม่แฟร์ คุณไม่ควรบอกเขาอย่างยิ่งว่ามีเงินเก็บ อย่าลืมว่าพฤติกรรมการใช้สตางค์ของผู้ชายคือ ชอบซื้ออะไรที่เป็นชิ้นใหญ่ๆ แตกต่างจากผู้หญิงเราที่ชอบช็อปปิ้งสิ่งของเล็กๆ ถ้าเขารู้ว่ามีเงินเก็บอาจเป็นการเสี่ยงต่อเงินก้อนนั้นไปโดยปริยาย
  2. รับรู้รายรับและรายจ่ายของเขาในทุกๆ ด้าน
    เพราะเมื่อตกลงแต่งงานกันแล้ว ย่อมถือว่าเสี่ยงไปมากกว่าครึ่ง   เวลาทำธุรกรรมทุกอย่างต้องทำร่วมกัน ฉะนั้  นเมื่อ แต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงควรรู้ทุกเรื่องของฝ่ายชาย เช่น รู้บัญชีเงินเข้า - ออกของครอบครัว หรือฝ่ายชายได้เงินเดือนเท่าไร มีทรัพย์สินอะไรบ้าง จะได้ไม่ต้องเจอความเสี่ยงภายหลัง 
  3. วางแผนการเงินตลอดปี 
    ดูว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? เช่น ค่าเทอมลูกหรือค่าเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ การกำหนดรายจ่ายล่วงหน้า จะทำให้ไม่ใช้จ่ายเงินเกินตัว และยังสามารถวางแผนการออมเงินและจุดประสงค์ในการใช้เงินได้อีกด้วย
  4. หาเวลาคุยกันทุกเดือน
    เพื่อประเมินว่าแผนการใช้เงินที่กำหนดไว้นั้นเป็นไปตามเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน
  5. บริหารเงินให้งอกเงย
    ไม่ว่าจะมีเงินเก็บเท่าไร ต้องนึกถึงการบริหารเงินนั้นว่าสามารถสร้างรายได้ในอนาคตได้หรือไม่ เช่น ได้ดอกเบี้ยจากธนาคาร ได้กำไรจากหุ้น ยิ่งเวลาในการฝากนานหรือมีการลงทุนนานขึ้น ผลตอบแทนยิ่งทวีคูณ
  6. วางแผนสำรองทางการเงินเผื่อเรื่องฉุกเฉิน
    วิธีนี้ทำให้ชีวิตคู่ในอนาคตของคุณราบรื่นขึ้น

ถ้าเราสามารถวางแผนเรื่องเงินกับความรักไปพร้อมๆ กันได้ นั่นละคือการใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข และเป็นการจัดการที่ลงตัวที่สุด

ข้อมูลจาก : sanook.com

เงิน กับ เวลา



     “ไม่มีเวลากับไม่มีเงินจะเลือกอะไร หลายคนคงบอกว่าไม่อยากเลือกทั้งคู่ เพราะถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะมีทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ชีวิตก็คงจะมีความสุขอย่างมาก แต่ในความเป็นจริง ท่ามกลางความเร่งรีบของสังคมเมือง และการแก่งแย่งแข่งขันทางธุรกิจ มีหัวหน้าครอบครัวหลายๆท่านต้องจดจ่ออยู่กับการทำงานหนัก ใช้เวลาแทบที่จะมีอยู่ทั้งหมดไปในห้องทำงาน บางคนก็มุ่งมั่นทำงานจนเห็นที่ทำงานกลายเป็นห้องกินห้องนอน ไม่มีเวลาแม้ที่จะไปกินอาหารกลางวันซักมื้อ ทั้งหมดก็เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและความมั่นคงของครอบครัว คำถามต่อมาก็คือว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้น มันทำให้ครอบครัวของเรามีความสุขมากขึ้นจริงหรือเปล่า หัวหน้าครอบครัวหลายๆท่านก็อึกอักที่จะตอบคำถามนี้ เพราะจริงๆแล้วสิ่งที่ภรรยาและลูกๆของท่านเรียกร้องอาจจะไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นตัวคุณเองต่างหาก นั้นคือการได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทานอาหารร่วมกัน ทุกโอกาสแบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน รวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว มากกว่าการมีเงินทองมากมาย แต่หาความสุขจากเงินทองเหล่านั้นไม่ได้เลย เนื่องจากไม่มีเวลาที่จะอยู่ร่วมกัน อย่างเพียงพอ แต่จะว่ากันตรงๆแล้ว ถ้าเราไม่ใช้เวลาไปกับการทำงานหนัก ไม่ทุ่มเทกับการทำงาน และการเก็บหอมรอบริบ แล้วเราจะมีตัวเงินเพื่อใช้เป็นเครื่องมือหาความมั่นคงและสร้างความสุขให้กับครอบครัวได้อย่างไร ฉะนั้นในบทความตอนนี้ ผู้เขียนจะขอเสนอแนะวิธีที่จะทำให้คุณๆทั้งหลายไม่ต้องตกอยู่ในภาวะต้องเลือกระหว่างเวลากับเงิน
1.ทำงานที่มีอยู่ให้เต็มที่ แต่ไม่ต้องถึงกับทุ่มเททุ่มกายจนหมดใจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตาม ที่คุณพาตัวเองเข้าไปผูกติดกับงาน แน่นอนเวลา 24 ชั่วโมง ในแต่ละวันของคุณก็จะหายไปกับการทำงาน จนชีวิตขาดสมดุล สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันและเท่ากันก็คือ เวลา 24 ชั่วโมงใน 1 วัน ฉะนั้น เราต้องบริหารให้ดีทั้งการทำงาน และก็ยังต้องมีเวลาพักผ่อนและเวลาส่วนตัวเหมือนกัน เพื่อให้กิดความสมดุลระหว่างเงินและเวลา
2.เวลาทำงานกับเวลาพักผ่อนต้องแยกจากกัน หลายครั้งที่เราใช้เวลาทำงานกับและเวลาพักผ่อนเป็นเวลาเดียวกัน ซึ่งหลายๆคนคงจะเคยที่จะ ทานอาหารไปด้วยและทำงานไปด้วย กำลังฟิตเนสอยู่แต่คุยเรื่องงานไปด้วย ใช้เวลาวันว่างของครอบครัวขอตัวปลีกไปประชุม กำลังเดินเล่นอยู่บนชายหาดอยู่ แต่พอรับโทรศัพท์ ก็ต้องรีบขับรถกลับทันที พฤติกรรมเหล่านี้ กำลังบ่งบอกว่าคุณแบ่งเวลาให้กับงานและแบ่งเวลาให้กับตัวเอง ในสัดส่วนที่ขาดความยุติธรรม
3.เมื่อทำงานเต็มที่ ก็ต้องหาเวลาพักผ่อนเต็มที่ เช่นกัน ทุกครั้งที่โปรเจ็กต์ล่าสุดของคุณประสบความสำเร็จ หรืองานที่คุณใช้เวลาทุ่มเทกับมันจนบรรลุเป้าหมาย หรือไม่ว่าจะเป็นงานที่คุณต้องใช้ความคิด การวางแผน จนต้องอยู่ในที่ทำงานแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันได้เข้าตาเจ้านายของคุณ คุณก็ต้องหาเวลาเพื่อมอบรางวัลให้แก่ตัวคุณองและครอบครัวด้วย เมื่อหักโหมทำงานหนักมานาน การหาเวลาอยู่กับตัวเองและครอบครัวเพื่อสร้างความสุขก็ถือเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ที่ดีวิธีหนึ่ง
4.หาวิธีออมเงินอย่างชาญฉลาด บางครั้งสาเหตุที่ทำให้คุณต้องทำงานอย่างหนัก จนแทบจะไม่มีวลาให้กับตัวเองและครอบครัว ก็เนื่องมาจากการเก็บออมแบบไม่ถูกวิธี ซึ่งก็หมายถึงการออมที่ไม่ได้ทำให้ค่าของเงินเพิ่มขึ้นมา แต่ถ้าคุณจะหาวิธีให้เงินทำงานแทนตัวของคุณเองได้ โดยที่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเท่ากับที่คุณต้องทำงานหนัก และคุณมีเวลาให้กับตัวเองและครอบครัวมากขึ้นก็ดีไม่น้อย ฉะนั้นวิธีการออมเงิน โดยผ่านตราสารต่างๆก็น่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใครยังไม่เคยลองดูก็น่าจะลองศึกษาดู
     เมือไหร่ก็ตามที่คุณบริหารเวลาและเงินให้เกิดสมดุลได้แล้ว ชีวิตคุณและครอบครัวก็น่าจะพบความสุขได้อย่างแท้จริง และนี่ก็อาจจะเป็นคำตอบของชีวิตที่คุณเรียกหาก็ได้

โดย คุณวีระชาติ ชุตินันท์วโรดม
ที่มา TSI Investment Wiki
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
     http://www.tsi-thailand.org/
     http://www.set.or.th/


วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

ฤกษ์คลอดบุตรปี2555


ฤกษ์คลอดบุตรปี 2554 ฤกษ์คลอดบุตรปี2555


 

แม้เรื่องของการเกิดหรือการคลอดลูกนั้นเป็นกฎธรรมชาติ แต่ก็มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถคลอดลูกตามธรรมชาติได้ กล่าวคือต้องผ่าคลอดนั่นเอง ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่หลายคนที่หาฤกษ์ในการผ่าตัดคลอด โดยเชื่อว่าจะได้เป็นการเลือกวันที่ดีสำหรับลูกน้อยของคุณ ทาง อาจารย์ฐิติกาญจน์ บทมูล นักพยากรณ์จาก horoworld จึงได้คัดสรรค์ ฤกษ์คลอดบุตรปี 2555 มาให้ดังนี้



การหาฤกษ์ในผ่าตัดคลอดของปี 2555                                        
วันที่ควรจะให้ฤกษ์การผ่าตัดคลอดบุตร ควรคำนึงถึงดังนี้                                        
                                                            
1. วันที่ดีคือ ปีนัตร ปีเถาะ เริ่ม16 เมษายน 2554 - 16 เมษายน 2555                                                            
วันที่ดี คือ     วันศุกร์    เป็นวันธงไชย                                                    
วันที่ดี คือ     วันศุกร์    เป็นวันอธิบดี                                                    
วันที่ไม่ดี คือ วันพฤหัสบดี เป็นวันอุบาทว์                                                    
วันที่ไม่ดี คือ วันอาทิตย์    เป็นวันโลกาวินาศ                                                    
วันอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ สามารถทำการได้พอใช้                                                            
                                                            
2. วันที่ดีของ ปีนักษัตร ปีมะโรง เริ่ม 16 เมษายน 2555 - 16 เมษายน 2556                                                            
วันที่ดีคือ     วันจันทร์    เป็นวันธงไชย                                                    
วันที่ดีคือ     วันเสาร์    เป็นวันอธิบดี                                                    
วันที่ไม่ดี คือ วันอาทิตย์    เป็นวันอุบาทว์                        
วันที่ไม่ดี คือ    วันจันทร์    เป็นวันโลกาวินาศ                                                    
วันอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ สามารถทำการได้พอใช้     
                                                 
3. ดูดวงดาว ตนุลัคน์ ในลัคนา ของดวงแม่ จรมาตกภพ อริ,มรณะ,วินาศน์ ไม่ควรให้ฤกษ์ผ่าตัดคลอดในช่วงนี้         
                                              
4. ดูดาว ปุตตะ จรมาตกภพ อริ, มรณะ, วินาศน์ กับดวงแม่ ถ้ามีควรหลีกเลี่ยง การให้ฤกษ์ผ่าตัดคลอดในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน                                                            

ดูฤกษ์คลอดบุตร 2555 ฤกษ์ดีวันคลอดลูก ปี2555 คลิก!

    ฤกษ์คลอดบุตรปี 2555 เดือน มกราคม

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เทศกาลลอยกระทงใกล้แล้วคัฟ


ใกล้เข้ามาแล้วนะคะกับเทศกาลลอยทระทง เทศกาลที่ทุกคนรอคอย สุขใจเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะทุกๆปีสุขใจจะต้องมาวางแผนล่วงหน้าว่าปีนี้จะไปลอยกระทงที่ไหน เพราะแต่ละที่ที่จัดงานคนเยอะมากๆเลย และแต่ละที่ก็จัดงานน่าสนใจมากๆเช่นกัน
ลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันที่ 21พฤศจิกายน ปีนี้เพื่อนๆไปลอยกระทงที่ไหนกันคะ ?ที่กรุงเทพก็มีสถานที่หลายที่ที่จัดงานลอยกระทง ไม่ว่าจะเป็น สะพานพระราม 7, สะพาน 8หรือตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ละปีวันลอยกระทงแต่ละที่จะจัดงานกันอย่างคึกคัก
แต่ที่สุขใจอยากจะแนะนำคืองาน เทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง งานนี้เป็นการจัดการท่องเที่ยวทางน้ำ ชมสีสันของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน เรืออาหาร ร้านอาหาร โรงแรมริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดทั่วทั้งเดือนพฤศจิกายน  พร้อมสัมผัสประเพณีลอยกระทงในคืนพระจันทร์เต็มดวงในวันเพ็ญเดือน 12 พร้อมกันทั่วประเทศตามสวนสาธารณะทุกแห่งจากทั้ง2ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนใครที่อยู่ภาคเหนือ สุขใจก็มีงานมาบอกด้วย นั่นคืองาน ประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ จัดขึ้นในวันที่ 16-21พฤศจิกายน ยี่เป็งเป็นประเพณีอันยิ่งใหญ่แห่งดินแดนล้านนามีขึ้นในวันเพ็ญเดือนยี่ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน12 โดยในธรรมเนียมปฏิบัติของชาวล้านนานอกเหนือจากการลอยกระทงในแม่น้ำแล้ว ได้มีการจุดประทีบโคมลอยอีกด้วย
เขยิบมาอีกนิดที่จังหวัด สุโขทัย ในงานลอยกระทงเผาเทียน เล่นไฟ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและมีคนหลั่งไหลมามากมาย ซึ่งในงานนี้จัดให้มีกิจกรรม รับรุ่งอรุณแห่งความสุข การแสดงแสง สี เสียง มากมาย ห้ามพลาดนะคะ
สุขใจนำสถานที่แนะนำมาให้เพื่อนๆแล้ว ปีนี้อยากไปเที่ยวที่ไหนก็วางแผนดู และที่สำคัญอย่าลืมพาคนในครอบครัวไปลอยด้วยนะคะ   ฝากขอพรเผื่อสุขใจด้วยค่ะ ^^
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://nongsukjai.wordpress.com/2010/11/19/

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 สุดยอดอาหารดีท็อกซ์






        
 อาหารเหล่านี้ช่วยล้างสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทานให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ส่วนบริโภค (1 ส่วนบริโภค = 1 ถ้วยตวง หรือ 240 มิลลิลิตร)
    หน่อไม้ฝรั่ง
         นำไปนึ่งหรือต้มสักครู่จนนิ่ม ราดด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย บีบน้ำมะนาวลงไป ก็จะได้อาหารเรียกน้ำย่อย หรือเครื่องเคียงที่อุดมด้วยกรดอะมิโนที่เรียกว่า แอสพาราจีน (asparagine) รวมถึงโพแทสเซียมที่ช่วยขับปัสสาวะและทำความสะอาดอวัยวะภายใน ช่วยไตขับสารพิษ และการบวมน้ำ โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน

    บีทรูท
       เป็นที่รู้จักว่าช่วยล้างสารพิษในเลือด บีทรูทมีสารเบทาไซอานิน (betacyanin) ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และช่วยกระตุ้นการทำงานของกระบวนการล้างสารพิษในตับ นำไปอบกับน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ราดด้วยน้ำส้มสายชูบัลเซมิกเล็กน้อยจะช่วยให้รสชาติดี แต่ถ้าต้องการให้ได้รับวิตามินครบถ้วน ควรกินดิบ ๆ โดยนำไปขูดฝอยกินเป็นสลัด

    เบอร์รี่
        บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่ อุดมไปด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ต่อสู้กับสารพิษ โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ช่วยให้หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดแดงแข็งแรง จึงทำให้ออกซิเจนและสารอาหารจำเป็นเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณมาก นำไปทำเป็นสมูธตี้หรือสลัดผลไม้

    บร็อกโคลี
        มีสรรพคุณต่อต้านมะเร็ง เนื่องจากมีวิตามินซีสูง บร็อกโคลียังอุดมด้วยสารกลูโคซิโนเลต (glucosinolates) เช่นเดียวกับสารชัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งจะช่วยตับขับสารพิษรับประทานดิบ ๆ โดยนำดอกบร็อกโคลีจิ้มกับซัลซ่า หรือฮุมมุส (hummus - ทำจากถั่วชิกพีผสมงาและกระเทียมราดด้วยน้ำมันมะกอก) จะนำไปผัด หรือนึ่งเสิร์ฟกับปลาย่าง

    กะหล่ำปลี
        กะหล่ำปลีแดง ผักกาดขาว กะหล่ำปลี หรือผักกวางตุ้งไต้หวัน (bok choy) เป็นอาหารดีท็อกซ์ชั้นยอด ทำเป็นสลัด หรือนำไปผัด หรือนำไปต้มและผัดเร็ว ๆ ด้วยไฟแรงในน้ำมันมะกอก

    มะนาว (lemons)
        สีเหลืองของมะนาวมาจากการที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่เรียกว่า ไบโอฟลาโวนอยด์อยู่สูง จึงช่วยการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยในการล้างสารพิษ บีบมะนาวลงในน้ำร้อน ดื่มเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือนำไปคั้นผสมกับส้มและเกรฟฟรุต ดื่มเพิ่มความสดชื่น

    ลินสีด (Linseed) หรือเมล็ดแฟล็กซ์
         นอกจากอุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นแล้ว ลินสีดยังช่วยล้างลำไส้และทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการล้างสารพิษ ให้แช่เมล็ดลินสีด 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วดื่มจนหมดแก้ว หากไม่ชอบรสชาติให้นำไปปั่นรวมกับผลเบอร์รี่ ทำเป็นสมูธตี้ หรือนำเมล็ดไปบด แล้วโรยบนผลไม้หรือสลัด

    พริก

        อาหารที่มีสีสดใสเช่น พริกและมะเขือเทศ อุดมด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ในการล้างสารพิษช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ เสื่อม เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค สารประกอบแคปไซซิน (capsaicin) ในพริกทำให้โลหิตไหลเวียนดี และช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร เมนูดีท็อกซ์ของคุณควรประกอบไปด้วยอาหารสีสันสดใสหลากหลายชนิด เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับแอนตี้ออกซิแดนท์ที่หลากหลาย

    มะละกอ และสับปะรด
        มะละกอมีสารปาเปน (papain) ส่วนสับปะรดอุดมไปด้วยบรอมีเลน (bromelain) สารทั้งสองชนิดนี้เป็นเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยโปรตีน และกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียผ่านทางอวัยวะที่มีหน้าที่กำจัดของเสีย สับปะรดมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะอ่อน ๆ ซึ่งสารพิษจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ นำผลไม้ทั้งสองชนิดนี้มาหั่นเป็นชิ้น ๆ กินเป็นอาหารเช้าหรือของหวาน หรือนำไปบดกับผักชี กระเทียมสับ พริกแดง ต้นหอม แตงกวา และมะเขือเทศ ตามด้วยน้ำมะนาว ทำเป็นซัลซารสชาติอร่อยกินคู่กับปลานึ่ง

    ผักสลัดน้ำ หรือวอเตอร์เครส
        เช่นเดียวกันบร็อกโคลี วอเตอร์เครสเป็นแหล่งที่อุดมด้วยไปด้วยกลูโคซิโนเลตที่ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ดี ท็อกซ์ของตับ นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียมและแคลเซียมสูง จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ใช้เป็นอาหารทางเลือกแทนผักกาดหอม หรือปรุงเป็นซุปวอเตอร์เครส








ที่มา ... Health Plus