- ทำข้อตกลงเรื่องการจัดสรรเงิน
ถ้าจะให้แฟร์ควรคุยกันไปเลยว่าเงินที่ฝ่ายหญิงหามาได้จะเป็นเงินเก็บส่วนตัว ส่วนเงินที่ฝ่ายชายให้มาผู้หญิงจะจัดการบริหารให้ลงตัว ถ้าไม่พอจะควักออกให้ หรือตกลงกันว่า แบ่งครึ่งหนึ่งเป็นกองกลางสำหรับใช้จ่ายในบ้าน อีกครึ่งหนึ่งเขาเก็บไว้ ในกรณีที่คุณมีเงินเก็บแล้วไม่รู้ว่าจะบอกฝ่ายชายดีหรือไม่ แนะว่าควรดูว่าคู่ของเราเขาเป็นคนที่แฟร์เรื่องเงิน และพร้อมที่จะดูแลเราไหม? มีความเป็นสุภาพบุรุษทางการเงินมากน้อยแค่ไหน? ถ้าเป็นสุภาพบุรุษอาจพูดตรงๆ ได้ แต่ถ้าเขาไม่แฟร์ คุณไม่ควรบอกเขาอย่างยิ่งว่ามีเงินเก็บ อย่าลืมว่าพฤติกรรมการใช้สตางค์ของผู้ชายคือ ชอบซื้ออะไรที่เป็นชิ้นใหญ่ๆ แตกต่างจากผู้หญิงเราที่ชอบช็อปปิ้งสิ่งของเล็กๆ ถ้าเขารู้ว่ามีเงินเก็บอาจเป็นการเสี่ยงต่อเงินก้อนนั้นไปโดยปริยาย
- รับรู้รายรับและรายจ่ายของเขาในทุกๆ ด้าน
เพราะเมื่อตกลงแต่งงานกันแล้ว ย่อมถือว่าเสี่ยงไปมากกว่าครึ่ง เวลาทำธุรกรรมทุกอย่างต้องทำร่วมกัน ฉะนั้ นเมื่อ แต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงควรรู้ทุกเรื่องของฝ่ายชาย เช่น รู้บัญชีเงินเข้า - ออกของครอบครัว หรือฝ่ายชายได้เงินเดือนเท่าไร มีทรัพย์สินอะไรบ้าง จะได้ไม่ต้องเจอความเสี่ยงภายหลัง
- วางแผนการเงินตลอดปี
ดูว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? เช่น ค่าเทอมลูกหรือค่าเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ การกำหนดรายจ่ายล่วงหน้า จะทำให้ไม่ใช้จ่ายเงินเกินตัว และยังสามารถวางแผนการออมเงินและจุดประสงค์ในการใช้เงินได้อีกด้วย
- หาเวลาคุยกันทุกเดือน
เพื่อประเมินว่าแผนการใช้เงินที่กำหนดไว้นั้นเป็นไปตามเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน
- บริหารเงินให้งอกเงย
ไม่ว่าจะมีเงินเก็บเท่าไร ต้องนึกถึงการบริหารเงินนั้นว่าสามารถสร้างรายได้ในอนาคตได้หรือไม่ เช่น ได้ดอกเบี้ยจากธนาคาร ได้กำไรจากหุ้น ยิ่งเวลาในการฝากนานหรือมีการลงทุนนานขึ้น ผลตอบแทนยิ่งทวีคูณ
- วางแผนสำรองทางการเงินเผื่อเรื่องฉุกเฉิน
วิธีนี้ทำให้ชีวิตคู่ในอนาคตของคุณราบรื่นขึ้น
ถ้าเราสามารถวางแผนเรื่องเงินกับความรักไปพร้อมๆ กันได้ นั่นละคือการใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข และเป็นการจัดการที่ลงตัวที่สุด |
ข้อมูลจาก : sanook.com |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น