วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เทศกาลลอยกระทงใกล้แล้วคัฟ


ใกล้เข้ามาแล้วนะคะกับเทศกาลลอยทระทง เทศกาลที่ทุกคนรอคอย สุขใจเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะทุกๆปีสุขใจจะต้องมาวางแผนล่วงหน้าว่าปีนี้จะไปลอยกระทงที่ไหน เพราะแต่ละที่ที่จัดงานคนเยอะมากๆเลย และแต่ละที่ก็จัดงานน่าสนใจมากๆเช่นกัน
ลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันที่ 21พฤศจิกายน ปีนี้เพื่อนๆไปลอยกระทงที่ไหนกันคะ ?ที่กรุงเทพก็มีสถานที่หลายที่ที่จัดงานลอยกระทง ไม่ว่าจะเป็น สะพานพระราม 7, สะพาน 8หรือตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ละปีวันลอยกระทงแต่ละที่จะจัดงานกันอย่างคึกคัก
แต่ที่สุขใจอยากจะแนะนำคืองาน เทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง งานนี้เป็นการจัดการท่องเที่ยวทางน้ำ ชมสีสันของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน เรืออาหาร ร้านอาหาร โรงแรมริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดทั่วทั้งเดือนพฤศจิกายน  พร้อมสัมผัสประเพณีลอยกระทงในคืนพระจันทร์เต็มดวงในวันเพ็ญเดือน 12 พร้อมกันทั่วประเทศตามสวนสาธารณะทุกแห่งจากทั้ง2ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนใครที่อยู่ภาคเหนือ สุขใจก็มีงานมาบอกด้วย นั่นคืองาน ประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ จัดขึ้นในวันที่ 16-21พฤศจิกายน ยี่เป็งเป็นประเพณีอันยิ่งใหญ่แห่งดินแดนล้านนามีขึ้นในวันเพ็ญเดือนยี่ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน12 โดยในธรรมเนียมปฏิบัติของชาวล้านนานอกเหนือจากการลอยกระทงในแม่น้ำแล้ว ได้มีการจุดประทีบโคมลอยอีกด้วย
เขยิบมาอีกนิดที่จังหวัด สุโขทัย ในงานลอยกระทงเผาเทียน เล่นไฟ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและมีคนหลั่งไหลมามากมาย ซึ่งในงานนี้จัดให้มีกิจกรรม รับรุ่งอรุณแห่งความสุข การแสดงแสง สี เสียง มากมาย ห้ามพลาดนะคะ
สุขใจนำสถานที่แนะนำมาให้เพื่อนๆแล้ว ปีนี้อยากไปเที่ยวที่ไหนก็วางแผนดู และที่สำคัญอย่าลืมพาคนในครอบครัวไปลอยด้วยนะคะ   ฝากขอพรเผื่อสุขใจด้วยค่ะ ^^
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://nongsukjai.wordpress.com/2010/11/19/

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 สุดยอดอาหารดีท็อกซ์






        
 อาหารเหล่านี้ช่วยล้างสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทานให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ส่วนบริโภค (1 ส่วนบริโภค = 1 ถ้วยตวง หรือ 240 มิลลิลิตร)
    หน่อไม้ฝรั่ง
         นำไปนึ่งหรือต้มสักครู่จนนิ่ม ราดด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย บีบน้ำมะนาวลงไป ก็จะได้อาหารเรียกน้ำย่อย หรือเครื่องเคียงที่อุดมด้วยกรดอะมิโนที่เรียกว่า แอสพาราจีน (asparagine) รวมถึงโพแทสเซียมที่ช่วยขับปัสสาวะและทำความสะอาดอวัยวะภายใน ช่วยไตขับสารพิษ และการบวมน้ำ โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน

    บีทรูท
       เป็นที่รู้จักว่าช่วยล้างสารพิษในเลือด บีทรูทมีสารเบทาไซอานิน (betacyanin) ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และช่วยกระตุ้นการทำงานของกระบวนการล้างสารพิษในตับ นำไปอบกับน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ราดด้วยน้ำส้มสายชูบัลเซมิกเล็กน้อยจะช่วยให้รสชาติดี แต่ถ้าต้องการให้ได้รับวิตามินครบถ้วน ควรกินดิบ ๆ โดยนำไปขูดฝอยกินเป็นสลัด

    เบอร์รี่
        บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่ อุดมไปด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ต่อสู้กับสารพิษ โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ช่วยให้หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดแดงแข็งแรง จึงทำให้ออกซิเจนและสารอาหารจำเป็นเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณมาก นำไปทำเป็นสมูธตี้หรือสลัดผลไม้

    บร็อกโคลี
        มีสรรพคุณต่อต้านมะเร็ง เนื่องจากมีวิตามินซีสูง บร็อกโคลียังอุดมด้วยสารกลูโคซิโนเลต (glucosinolates) เช่นเดียวกับสารชัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งจะช่วยตับขับสารพิษรับประทานดิบ ๆ โดยนำดอกบร็อกโคลีจิ้มกับซัลซ่า หรือฮุมมุส (hummus - ทำจากถั่วชิกพีผสมงาและกระเทียมราดด้วยน้ำมันมะกอก) จะนำไปผัด หรือนึ่งเสิร์ฟกับปลาย่าง

    กะหล่ำปลี
        กะหล่ำปลีแดง ผักกาดขาว กะหล่ำปลี หรือผักกวางตุ้งไต้หวัน (bok choy) เป็นอาหารดีท็อกซ์ชั้นยอด ทำเป็นสลัด หรือนำไปผัด หรือนำไปต้มและผัดเร็ว ๆ ด้วยไฟแรงในน้ำมันมะกอก

    มะนาว (lemons)
        สีเหลืองของมะนาวมาจากการที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่เรียกว่า ไบโอฟลาโวนอยด์อยู่สูง จึงช่วยการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยในการล้างสารพิษ บีบมะนาวลงในน้ำร้อน ดื่มเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือนำไปคั้นผสมกับส้มและเกรฟฟรุต ดื่มเพิ่มความสดชื่น

    ลินสีด (Linseed) หรือเมล็ดแฟล็กซ์
         นอกจากอุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นแล้ว ลินสีดยังช่วยล้างลำไส้และทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการล้างสารพิษ ให้แช่เมล็ดลินสีด 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วดื่มจนหมดแก้ว หากไม่ชอบรสชาติให้นำไปปั่นรวมกับผลเบอร์รี่ ทำเป็นสมูธตี้ หรือนำเมล็ดไปบด แล้วโรยบนผลไม้หรือสลัด

    พริก

        อาหารที่มีสีสดใสเช่น พริกและมะเขือเทศ อุดมด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ในการล้างสารพิษช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์ เสื่อม เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค สารประกอบแคปไซซิน (capsaicin) ในพริกทำให้โลหิตไหลเวียนดี และช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร เมนูดีท็อกซ์ของคุณควรประกอบไปด้วยอาหารสีสันสดใสหลากหลายชนิด เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับแอนตี้ออกซิแดนท์ที่หลากหลาย

    มะละกอ และสับปะรด
        มะละกอมีสารปาเปน (papain) ส่วนสับปะรดอุดมไปด้วยบรอมีเลน (bromelain) สารทั้งสองชนิดนี้เป็นเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยโปรตีน และกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียผ่านทางอวัยวะที่มีหน้าที่กำจัดของเสีย สับปะรดมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะอ่อน ๆ ซึ่งสารพิษจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ นำผลไม้ทั้งสองชนิดนี้มาหั่นเป็นชิ้น ๆ กินเป็นอาหารเช้าหรือของหวาน หรือนำไปบดกับผักชี กระเทียมสับ พริกแดง ต้นหอม แตงกวา และมะเขือเทศ ตามด้วยน้ำมะนาว ทำเป็นซัลซารสชาติอร่อยกินคู่กับปลานึ่ง

    ผักสลัดน้ำ หรือวอเตอร์เครส
        เช่นเดียวกันบร็อกโคลี วอเตอร์เครสเป็นแหล่งที่อุดมด้วยไปด้วยกลูโคซิโนเลตที่ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ดี ท็อกซ์ของตับ นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียมและแคลเซียมสูง จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ใช้เป็นอาหารทางเลือกแทนผักกาดหอม หรือปรุงเป็นซุปวอเตอร์เครส








ที่มา ... Health Plus

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 ผัก สามัญประจำบ้าน




รู้จักพืชผักสามัญ ที่ควรมีไว้ติดบ้าน เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยเป็นโรคง่าย ๆ 
 1. ขิง
 สมุนไพรรสร้อนแรง แต่ดีต่อสุขภาพนัก กินไล่หวัดได้ดี เหมาะกับบำรุงร่างกายในหน้าฝนและหน้าหนาว น้ำขิงอุ่น ๆ จะช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อน แก้เมารถ ไมเกรน ปวดตามข้อ ลดคอเลสเตอรรอลได้ดีด้วย ส่วนวิธีนำมาใช้ สามารถนำมาใช้ได้ทั้งแก่และอ่อน เหง้าอ่อนใช้ปรุงอาหารคาวหวาน ดับกลิ่นคาวได้ดี จะกินเป็นเครื่องเคียงก็ได้ ส่วนขิงแก่ มักจะนำมาทำเป็นน้ำขิง

 2. สะระแหน่ ถ้าเรารู้จักมิ้นท์ของฝรั่ง เราก็ควรรู้จักสะระแหน่ เพราะตระกูลเดียวกัน กลิ่นของสะระแหน่นั้นจะเย็น ๆ มีสรรพคุณเป็นยาเย็น ใช้ดับร้อนได้ดี ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ ลดความเครียด ใบสดของสะระแหน่ สามารถนำมาบดใช้ทาผิวให้ชุ่มชื้นได้ แก้พิษแมลงกัดต่อย ไล่ยุง และบรรเทาอาการปวดได้ดีกว่ายาแก้ปวดเสียด้วย เรามักพบสะระแหน่ได้มากในอาหารประเภท ยำ ลาภ น้ำตก ต้มยำ หรืออาหารรสจัด ก็เพื่อให้บรรเทารสชาติอันเผ็ดร้อนนั่นเอง

 3. แมงลัก สาว ๆ หลายคนรู้จักดี เพราะมักเป็นหนึ่งในส่วนผสมของสูตรอาหารลดความอ้วน จริง ๆ แล้วสรรพคุณของเจ้าแมงลักนั้น มีฤทธิ์เป็นยาระบาย เพราะเมือกสีขาวรอยเมล็ด จะทำให้อุจจาระอ่อนตัวลง ช่วยขับพิษในลำไส้ นอกจากนี้ใบอ่อนมีแคลเซียมสูง บำรุงกระดูกได้ดี

 4. กระเพรา ใครชอบกินผักกระเพราบ้าง น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก แทบทุกคนต้องเคยทานอาหารเมนูจานนี้แน่นอน รู้หรือไม่ว่า ใบกระเพราเป็นแหล่งของฟอสฟอรัสและวิตามินเอ ในปริมาณสูง ช่วยขับลมในกระเพาะ ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ กระตุ้นการขับน้ำดี ช่วยย่อยไขมัน ลดการจุกเสียด ป้องกันโรคมะเร็ง หัวใจขาดเลือด ช่วยขับน้ำนมให้สตรีหลังคลอด น้ำคั้นจากใบช่วยขับเหงื่อ แก้ไข้ ขับเสมหะ ทาผิวแก้กลากเกลื้อน คั่นเอาน้ำหยอดหูแก้ปวดหู ใบสดขยี้ให้มีกลิ่นไล่แมลงได้ หรือไว้ทาหูดก็ดี นอนจากนี้ถ้านำมาต้ม สามารถดื่มบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้

 5. โหระพา ผักอีกชนิดที่ให้รสร้อนแรง แต่อุดมด้วยแคลเซียมและเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีส่วนในการป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด มะเร็ง ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้หวัดและขับเหงื่อ ถ้านำเมล็ดไปแช่น้ำ จะนำมารักษาโรคบิดได้ ช่วยให้ลำไส้หล่อลื่นขึ้น โหระพาอยู่ในอาหารพวกแกง ผัด ทอด หรือจะกินสดก็ได้

 6. กระชาย กลิ่นหอมแรง สรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ ขับระดูขาว บำรุงร่างกาย ขับลมได้ดี ใช้เหง้าสดทุบพอแตกต้มน้ำดื่มแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ บ้างว่าสามารถช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย โดยมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "โสมไทย"

 7. ตะไคร้ หลายคนชอบดื่มน้ำ เพราะมีรสชาติเผ็ดนิด ๆ อีกทั้งยังเป็นส่วนผสมสำคัญในต้มยำอีกด้วย คุณประโยชน์ บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว ขับลมในลำไส้ ช่วยให้เจริญอาหาร แก้โรคหืด อหิวาตกโรค บำรุงสมอง แก้เกลื้อน ที่สำคัญถ้าปลูกไว้รอบ ๆ บ้าน จะสามารถไล่ยุงได้

 8. ข่า ประดับก็ดี แถมกินก็ได้ประโยชน์ เรามักกินตอนที่มักยังอ่อน หน่ออ่อนหรือช่อดอกอ่อนจะไว้กินกับน้ำพริก รสชาติเผ็ดปร่า เหง้าใช้เป็นเครื่องพริกแกงหรือเครื่องต้มยำ ข้อดีของข่าคือ ช่วยขับลมไม่ให้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด โรคกระเพาะ ลดไขมัน แก้หลอดลมอักเสบ และยังเป็นยาระบายอ่อน ๆ ด้วย

 9. พริก รสชาติร้อนแรงจัดจ้าน มีสาระสำคัญที่เรียกว่า แคปไซซิน (Capsaicin) จะกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ช่วยเจริญอาหาร เลือดไหลวเวียนได้ดี ช่วยขับลม แก้หวัด ขับเหงื่อ ป้องกันหลอดเลือดตีบตัน ต้อกระจก และมะเร็งบางชนิด

 10. มะกรูด เรามักจะเคยได้ยินว่า น้ำมะกรูดนำมาสระผมได้ แก้รังแคและคันศีรษะ ทำให้ผมดกดำเงางาม แต่ถ้าเราสามารถนำมากินแก้ไอ แก้เจ็บคอ ใช้แทนยาสีฟัน ทำให้เหงือกแข็งแรง กลิ่นของมะกรูดจะช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร ช่วยไล่มดแมลง และมอดในถังข้าวสารได้ด้วย นอกจากนี้ถ้าเรานำมะกรูดมาตากแห้งแล้วบดเป็นผง จะเป็นยาบำรุงเลือดและเป็นยาระบายได้ด้วย


พืชผักของไทย ไม่ใช้มีไว้แค่กิน แต่ยังเป็นสมุนไพรทั้งบำรุงและรักษาร่างกายจากการเจ็บป่วย ราคาก็ถูกแสนถูก หากนำมาใช้อย่างถูกต้อง ก็ไม่ต้องไปเสียเงินให้ยาฝรั่งราคาแพงเลย เห็นทีคงต้องมีติดบ้านไว้เสียแล้ว
ที่มา ... Never-Age.com

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก



นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส จัดอันดับ 10 เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก โดยดูที่ระดับสาร แอนติออกซิแดนต์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ
ปัจจุบันมีเครื่องดื่มหลายชนิดอ้างว่า ใส่สารต้านอนุมูลอิสระไว้ แต่หลายคนไม่ทราบว่าสารนี้คืออะไรกันแน่ สำหรับสารต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์เนื่องมาจากในขบวนการปฏิกิริยาชีวเคมี ที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย จะมีการขับของเสียที่ร่างกายได้รับ ได้แก่ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ รังสียูวี เอกซเรย์ 
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอนุมูลอิสระที่มีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกาย ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ภาวะข้อต่ออักเสบ ต้อกระจก และการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ อนุมูลอิสระจะทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของดีเอ็นเอ
ด้วยเหตุ นี้จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการมีเซลล์มะเร็ง และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่นำไปสู่ขบวนการเกิดโรคมะเร็ง

สำหรับ 10 อันดับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มากที่สุด คือ
 1. น้ำทับทิม
 2. ไวน์แดง
 3. น้ำองุ่นคอนคอร์ด
 4. น้ำบลูเบอร์รี่
 5. น้ำแบล็กเชอร์รี่
 6. น้ำอะซาอี
 7. น้ำแครนเบอร์รี่
 8. น้ำส้ม
 9. น้ำชา
 10. น้ำแอปเปิ้ล - ปราฟดา

ที่มา ...teenrama.com